วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์-สารกัมมันตรังสี: คำถาม คำตอบ และข้อสงสัย

ที่มา: ศูนย์สื่อมวลชนด้านวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น (Science Media Centre of Japan)
ถาม: ระดับสารกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลออกมาจากโรงไฟฟ้า มีปริมาณมากพอที่จะก่อให้เกิดอันตรายหรือไม่?
ตอบ: ระบบตรวจจับกัมมันตภาพรังสีของร่างกายมนุษย์ มีความสามารถเพียงพอในการตรวจสอบสารกัมมันภาพรังสี หากว่าคุณมีจำนวนอะตอมกัมมันตรังสีบนผิวหนังมากถึง 50 จนถึงหลายร้อยอะตอม หากว่าระดับสารรังสีอยู่ในระดับต่ำ ร่างกายก็สามารถป้องกันตนเองได้

ถาม: เราจำเป็นต้องกังวลต่ออันตรายที่เกิดจากสารกัมมันตรังสีทางอ้อมหรือไม่ เช่น การบริโภคอาหารทะเลจากพื้นที่ดังกล่าวมีความปลอดภัยหรือไม่?
ตอบ: หากว่ารายงานระดับสารกัมมันตรังสีมีความแม่นยำ ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องกังวล เนื่องจากสารกัมมันตรังสี สามารถพบได้ทั่วไปในสภาพแวดล้อมทั่วไป

ถาม: การอยู่ภายในอาคารปลอดภัยหรือไม่?
ตอบ: สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอยู่ให้ห่างจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เช่นเดียวกับที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศ การอยู่ห่างจากสถานที่ดังกล่าวประมาณ 20 กิโลเมตร ถือเป็นระยะที่ปลอดภัย นอกจากนั้น ยังช่วยหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอากาศที่มีการปนเปื้อนของสารรังสี

ถาม: หากว่าระยะ 20 กม.มีความปลอดภัยจริง ประชาชนที่อาศัยในกรุงโตเกียวควรอาศัยอยู่ในแต่อาคาร และหลีกเลี่ยงที่โล่งแจ้งหรือไม่? หรือหากจำเป็นต้องเดินทางออกนอกอาคาร ไม่ควรให้ผิวหนังสัมผัสกับอากาศหรือไม่?
ตอบ: โตเกียวอยู่ห่างจากฟูกุชิมะมากกว่า 200 กม. กระแสลมอาจพัดพาสารกัมมันตรังสีและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนได้ แต่เมื่อพิจารณาว่า ยิ่งสารรังสีต้องเดินทางเป็นระยะทางมากเท่าใด ระดับสารก็จะลดลงมากเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวล

ถาม: ทำไมต้องอพยพห่างจากโรงไฟฟ้าถึง 20 กม.?
ตอบ: รัฐบาลไม่ได้แถลงว่าใช้หลักการใดในการพิจารณา แต่ในกรณีของการเกิดอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกาะทรี ไมล์ส ของสหรัฐฯ เมื่อปี 1979 ไม่พบว่ามีความเสียหายใดๆในระยะทางหลัง 16 กม. รัฐบาลจึงอาจปรับเปลี่ยนระยะทางโดยอาศัยจากการสังเกต

ถาม: หากว่ามีสารกัมมันตรังสีรั่วจริง มันสามารถเดินทางไกลได้แค่ไหน?
ตอบ: เป็นเรื่องยากที่จะทำนายโดยไม่ทราบว่าปริมาณไอโซโทปของสารรังสีที่รั่วออกมี จำนวนเท่าใด และสภาพอากาศในขณะนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสลมว่าเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกาะทรี ไมล์ส ซึ่งสถานที่เก็บสารรังสีไม่ได้รับการกระทบกระเทือน และเป็นที่เข้าใจกันว่าไม่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อพื้นที่นอกเหนือรัศมี 16 กม.

ถาม: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไอโอดีนสามารถช่วยต่อต้านสารกัมมันตรังสีได้หรือไม่?
ตอบ: ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น นอกจากจะไม่ใช่ยาใช้ภายในแล้ว ยังมีสารอย่างอื่นที่เป็นอันตรายต่อร่างกายรวมอยู่ด้วย ในกรณีที่ร่างกายได้รับปริมาณไอโอดีนซึ่งเป็นสารกัมมันตภาพรังสีเข้าไป ปริมาณมาก ยาที่มีฤทธิ์ช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดต่อร่างกายคือ “ยาบรรเทาไอโอดีน” ซึ่งเป็นยาใช้ภายในและใช้เฉพาะภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
ถาม: คำว่า "ระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์ล้มเหลว" หมายความว่าอย่างไร?
ตอบ: หมายความว่า เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไม่สามารถลดความร้อนลงได้เพียงพอ ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ความร้อนหรือพลังงานซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานโดยการหมุนเวียนน้ำ และหากว่าระบบน้ำหล่อเย็นไม่สามารถหมุนเวียนได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเชื้อเพลิงดังกล่าวก็ไม่สามารถเย็นลงได้

ถาม: ปลอดภัยหรือไม่ ที่จะลดความร้อนของเตาปฏิกรณ์ด้วยน้ำทะเล แทนที่จะเป็นน้ำสะอาด?
ตอบ: โดยปกติแล้วมักจะใช้น้ำสะอาดในกระบวนการหล่อเย็น เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานของเตาปฏิกรณ์และลดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ดี สถานการณ์ในปัจจุบันการหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์ด้วยหนทางใดก็ได้เท่าที่จะเป็นไป ได้ มีความสำคัญยิ่งกว่า

ถาม: หากใช้น้ำทะเลแล้ว จะก่อให้เกิดปัญหาใดหรือไม่?
ตอบ: ก่อให้เกิดปัญหาแน่นอน เนื่องจากน้ำทะเลอาจก่อให้เกิดคราบเกลือด้านในท่อ และอาจกัดกร่อนท่อจนกระทั่งเกิดการรั่วไหลของสารรังสี ดังนั้นจึงมักนิยมใช้น้ำจืดเป็นตัวหล่อเย็นมากกว่า

ถาม: ทำไมจึงไม่สามารถปิดเตาปฏิกรณ์ลงในทันทีที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว?
ตอบ: มีการปิดเตาปฏิกรณ์แล้ว ผลลูกโซ่ของการแตกตัวของนิวเคลียสของอะตอมก็หยุดแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ดี เตาปฏิกรณ์จำเป็นต้องถูกลดความร้อนลง เพื่อป้องกันการเกิดไอโซโทปที่มีกัมมันตรังสีในแท่งเชื้อเพลิงที่บรรจุอยู่ ในแกนปฏิกรณ์ และลดความร้อนที่ยังคงตกค้างจากการเพิ่มความร้อนให้แก่เตาปฏิกรณ์

ถาม: น้ำที่ผ่านกระบวนการหล่อเย็นในเตาปฏิกรณ์ จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่?
ตอบ: น้ำเสียที่มีระดับการปนเปื้อนกัมมันตรังสีต่ำ จะผ่านกระบวนการกรองก่อนที่จะปล่อยออกสู่สภาพแวดล้อม ส่วนน้ำเสียที่มีระดับการปนเปื้อนกัมมันตรังสีสูง จะผ่านกระบวนการต้มเสียก่อน ซึ่งจะเปลี่ยนสารกัมมันตรังสีให้เป็นของแข็ง ซึ่งสามารถถูกคัดออกก่อนที่จะปล่อยลงสู่สิ่งแวดล้อม

ถาม: การระเบิดของโรงไฟฟ้าปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟูกุชิมาหมายเลข 1 เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ตอบ: การระเบิดที่อาคารเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เกิดจากแรงดันของก๊าซไฮโดรเจนภายในสูงเกินไป แรงดันของก๊าซไฮโดรเจน เกิดจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้น้ำทำปฏิกิริยากับเซอโคเนียม ซึ่งเป็นธาตุโลหะหายาก ทำให้น้ำ หรือ H2O ถูกแยกเป็น H2 หรือ ไฮโดรเจน กับ O หรือ อ๊อกซิเจน และไปจับกับเซอโคเนียม ทำให้มีก๊าซไฮโดรเจนในปริมาณมาก ทำให้ความดันสูงจนดันอาคารปฏิกรณ์จนพังเสียหาย

ถาม: ถึงแม้ว่าจะมีการะเบิด แต่เครื่องปฏิกรณ์กลับไม่ได้รับความเสียหาย นั่นหมายความว่าการระเบิดของก๊าซไฮโดรเจน ไม่สามารถทำลายเครื่องปฏิกรณ์ได้หรือไม่?
ตอบ: ใช่ แม้ว่าอาคารภายนอกจะได้รับความเสียหาย แต่ห้องเก็บเครื่องปฏิกรณ์มีความแข็งแรงมาก และถือเป็นด่านสุดท้ายเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ตราบใดที่เครื่องปฏิกรณ์ไม่ได้รับความเสียหาย ตราบนั้นก็ไม่เกิดหายนะ

ถาม: สมมุติว่าก๊าวไฮโดรเจน บังเอิญรั่วออกจากเครื่องปฏิกรณ์ การระเบิดของไฮโดรเจนสามารถนำไปสู่การระเบิดภายในเครื่องปฏิกรณ์เองได้หรือ ไม่?
ตอบ: เครื่องปฏิกรณ์ถูกเติมด้วยก๊าซไนโตรเจน จึงไม่มีทางที่จะเกิดการระเบิดภายในเครื่องปฏิกรณ์

ถาม: ดังนั้น เครื่องปฏิกรณ์ก็ไม่ได้รับความเสียหาย?
ตอบ: ตราบเท่าที่ข้อมูลที่ได้รับการแถลงจากโรงไฟฟ้าเป็นจริง เราก็สามารถมั่นใจได้ว่าเตาปฏิกรณ์จะยังคงมีความปลอดภัย

ถาม: การระเบิดของก๊าซไฮโดรเจน มีลักษณะเดียวกับการระเบิดของระเบิดไฮโดรเจนหรือไม่?
ตอบ: การระเบิดของก๊าซไฮโดรเจน แตกต่างกับการระเบิดของระเบิดไฮโดรเจน นี่เป็นเพียงปฏิกิริยาทางเคมีที่ก๊าซไฮโดรเจนและอ็อกซิเจนถูกนำมารวมกัน จนกระทั่งเกิดพลังงานและน้ำ ปฏิกิริยาเช่นนี้ไม่ถือว่าแผ่รังสี แต่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อไฮโดรเจนได้ปล่อยสารรังสีที่เริ่มต้นด้วยการ ระเบิดเช่นเดียวกันนั้น จึงจะสร้างการแผ่รังสีที่สามารถตรวจจับได้
การป้องกันตนเองจากกัมมันตภาพรังสี
ตามปกติผุ่นกำมันตภาพรังสีเหล่านี้ จะติดมากับลมและฝน เรามองไม่เห็นและกระจายไปทั่ว อันตรายจะมีมากในขั้นต้น แต่ความเข้มข้นลดลงก็อย่างรวดเร็วเพราะมันปล่อยพลังงานออกมามาก
ชั่งโมงแรกของการระเบิด อันตรายถึงชิวิต (ขนาด 500 R/ชั่วโมง) มันจะอ่อนกำลังลงเหลือเพียง 1/10 ส่วน หลังจากระเบิดได้ 7ชั่วโมง ใน 2 วันต่อมา จะอ่อนกำลังลงเหลือ 1/100 ส่วน หรืออันตรายน้อยลงกว่าเดิม 1/ 100 เท่า
สิ่งที่จำเป็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อป้องกันฝุ่นรังสี...มีดังนี้
เสื้อผ้าครื่องนุ่งห่ม ที่มีฝุ่นเกาะติดอยู่ ก็ให้ถอดทิ้งไว้ข้างนอก ควรมี ชุดพลาสติกชนิดคลุมหัวได้และ ถุงมือ หน้ากากกันฝุ่น ซึ่งสามารถล้างด้วยสายยางฉีดน้ำ และแช่น้ำทิ้งไว้ก่อนเข้าบ้าน
อาหารและน้ำดื่ม ที่มีฝุ่นละอองเกาะอยู่ภายนอก แต่ปิดไว้สนิทดีแล้ว ฝุ่นพวกนี้เข้าไปข้างในไม่ได้..และไม่ได้ทำลายหรือก่อให้เกิดโทษใดๆต่อสารอาหาร
อากาศ ไม่จำเป็นต้องกรอง เพราะอากาศไม่กลายเป็นกัมมันตภาพรังสี ถ้าชั้นใต้ดินถูกปิดไว้อย่างมิดชิดแล้ว ลมจากภายนอกซึ่งปนเปื้อนรังสีจะเข้ามาไม่ได้ ปิดหน้าต่างทุกบานด้วยแผ่นไม้ ทั้งข้างนอกข้างในถ้าทำได้ ปิดเทปกาวตามร่อง หน้าต่างประตู แต่ถ้าอากาศอับชื้นขึ้นจริงๆ ก็อาจเปิดประตูที่เชื่อมต่อชั้นบนได้ (แต่ต้องมั่นใจว่าบ้านทั้งหลังยังปิดสนิทอยู่) อาจเอาแผ่นกรองอากาศมาปิดไว้ที่ช่องทางเข้าออก เพื่อนำอากาศผ่านเข้าออกได้จะดีที่สุด
อุปกรณ์ข้าวของที่อยู่ภายนอกหรือภายในบ้าน ควรเอาผ้าพลาสติกผืนใหญ่ๆ คลุมไว้ เพื่อการล้างออกได้ง่ายในภายหลัง ถ้าปลูกผักเอาไว้ ก็เอาผ้าพลาสติกหรือผ้ายางคลุมแล้วถ่วงขอบผ้าเอาไว้ให้สนิท
ไฟฉาย ควรใช้แบบ LED Head Lamp
เสาวิทยุสื่อสาร ควรห่อด้วย alumunum foil เพื่อลด empที่จะเกิดขื้น และทำลายระบบวงจรไฟฟ้าในเครื่องได้
เริ่มทานเม็ด โปรตัสเซียมไอโอไดน์ (k1)(k03) ป้องกันต่อมไทรอยด์จากมะเร็ง
ทิงเจอร์ไอดีน หรือ เบตาดีน ก็ใช้ทาบนผิวหนังให้ผลป้องกันได้เช่นกัน ทาตามท้อง แขน ขา ในแต่ละวัน
ส้วม เตรียมถังขนาด 5 แกลลอน และฝาที่รองนั่งในห้องน้ำ มาใช้ประกอบกัน และต้องใช้ถุงดำรองรับทุกครั้ง ผูกให้แน่นหลังใช้เสร็จแล้ว
จัดเตรียมถังขยะขนาดใหญ่ ซึ่งรองด้วยถุลขยะ มาวางไว้ด้านนอกที่หลบภัย ให้ใกล้ทางเข้าที่พักมากที่สุด ไว้ทิ้งสิ่งปฏิกูลได้อย่างรวดเร็ว
น้ำดื่ม ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อคุณภาพดีหยดลงไปในอัตรา 10 หยดต่อน้ำ 1 แกลอน เช่น Clorox และถ้าเป็นไปได้ควรต้มอีกครั้ง
รายการที่จำเป็นต้องจัดหา พยายามซึ้อให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทันที! จะดีมากๆถ้าพอสำหรับ 2 เดือนขึ้นไป ให้คำนวณ จากคนในครอบครัวให้ดี

จากตารางพบว่า รังสีที่มนุษย์ได้รับจากสิ่งแวดล้อมมีปริมาณน้อยมาก จึงไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย แต่ถ้าร่างกายได้รับปริมาณรังสีระดับสูงมากๆ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและถึงแก่ชีวิตได้ เนื่องจากสมบัติของรังสีที่ทำให้สารที่รังสีผ่านแตกตัวเป็นไอออน เมื่อร่างกายได้รับรังสี เนื้อเยื่อร่างกายจะดูดกลืนพลังงานของรังสี ทำให้เซลล์ต่างๆถูกทำลาย จนอาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง และอาจมีผลทางพันธุกรรม ซึ่งจะถ่ายทอดไปยังรุ่นลูกหลานได้ แต่รังสีจะไม่ตกค้างอยู่ในร่างกาย หรืออาหารที่อาบรังสี

หน่วยวัดรังสีที่ควรรู้จัก
เรม (roentgen – equivalent men ; rem) รังสี 1 rem คือปริมาณรังสีใดๆที่สามารถก่อให้เกิดผลทางชีววิทยาต่อร่างกายเทียบเท่ากับเมื่อได้รับรังสีเอกซ์หรือรังสีแกมมา 1 เรินต์เกน
ซีเวิร์ต (sievert ; Sv) กำหนดให้ 1 Sv = 100 rem
การทำงานที่เกี่ยวกับรังสีเป็นประจำ ต้องมีการป้องกันอันตรายจากรังสีที่เหมาะสม เช่น ทำงานให้เสร็จในเวลาอันรวดเร็ว อยู่ห่างจากต้นกำเนิดรังสีในระยะที่เหมาะสม ใช้เครื่องกำบังรังสีเพื่อลดปริมาณรังสีที่จะเข้าสู่ร่างกายและต้องป้องกันไม่ให้สารกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกาย ทั้งโดยทางปาก ทางการหายใจ ทางผิวหนังและบาดแผล

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

ข้อคิดดีๆ

โลกกลมๆ ใบนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ
ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก

อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง

คนเราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้าเลย

ไม่ต้องสนใจว่าแมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ

ยิ่งมีใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่เยือกเย็น

ในโลกกลม ๆ ใบนี้ ไม่มีคำว่าแน่นอน
คนเราเมื่อ ตัวตายก็ต้องลงดิน

ท้อแท้ได้ แต่อย่าท้อถอย อิจฉาได้ แต่อย่าริษยา พักได้ แต่อย่าหยุด

เหตุผลของคน ๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่ของคน อีกคนหนึ่ง

ถ้าไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้ได้เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร

หนทางอันยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่อนเสมอ

ปัญหาทุกอย่าง อยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น

จะเห็นค่าของความอบอุ่น เมื่อผ่านความเหน็บหนาวมาแล้ว

อันตรายที่สุดคือการคาดหวัง

เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย

อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่

จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์

เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน

ไม่มีคำว่า บังเอิญ ในเรื่องของความรัก มีแต่คำว่า ตั้งใจ

ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับ กับสิ่งที่เสียไป

หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้นเล็กนิดเดียว
ไม่เป็นขุนนางนะ ได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง
เมื่อวานก็สายเกินแล้วพรุ่งนี้ ก็สายเกินไป
อย่าหวัง ว่าจะได้รับความรัก จากคนที่คุณรัก
เพราะคนที่คุณรัก ไม่ได้รักคุณ หมดทุกคน

เพื่อนทั่วไป ไม่เห็นคุณร้องไห้
เพื่อนแท้ มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาให้
เพื่อนทั่วไป ถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้ของคุณ
เพื่อนแท้ จะมาแต่หัววันเพื่อช่วยเตรียมงาน!
เพื่อนทั่วไป คาดหวังให้คุณเคียงข้างเขาเสมอ
เพื่อนแท้ คาดหวังที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง และการป้องกันรักษา

หลังจากหลายปีที่พูดกันว่าการทำคีโมเป็นทางเลือกเดียวที่จะลอง และใช้ในการกำจัดโรคมะเร็ง
ในที่สุดโรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ก็เริ่มแนะนำถึงทางเลือกอื่นๆอีก

ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์

1. ทุกๆคนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐาน จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล(1,000,000,000 เซล) เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาแล้ว มันหม ายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่มากพอ จนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น

2. เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง 6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง

3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร็งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก

4. เมื่อใครก็ตามเป็นมะเร็ง มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ ซึ่งอาจเกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม อาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต

5. เพื่อเอาชนะภาวะบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหาร รวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น

6. การทำคีโมคือการให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลมะเร็งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำลายเซลที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก ทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ

7. การฉายรังสีแม้ว่าจะเป็นการทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็ทำให้เกิดอาการไหม้ เป็นแผลเป็น และทำลายเซลที่ดี เนื้อเยื่อ และอวัยวะ

8. การบำบัดโดยคีโม และการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลเนื้องอก

9. เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากการทำคีโมหรือการฉายรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น

10. การทำคีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกลายพันธุ์ ดื้อยา และยากต่อการทำลาย การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย

11. วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับมะเร็ง คือการไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว

อะไรคืออาหารที่ป้อนให้กับเซลมะเร็ง

a. น้ำตาลคืออาหารของมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง สารทดแทนน้ำตาลอย่างเช่น "" นิวตร้าสวีต "" "" อีควล "" "" สปูนฟูล "" ฯลฯ ล้วนทำมาจากสารให้ความหวานซึ่งเป็นอันตราย ส ารทดแทนซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้งมานูคา (จากนิวซีแลนด์) หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อยๆเท่านั้น (คนที่เป็นเบาหวานอยู่ด้วย ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ) เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว ควรหันไปเลือกใช้ "" แบรก อมิโน "" หรือเกลือทะเลแทน (คนที่เป็นโรคไตและความดันโลหิตสูงอยู่ด้วย ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน)

b. นมเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะได้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือก การใช้นมถั่วเหลืองชนิดไม่หวานแทนนม จะทำให้เซลมะเร็งไม่ได้รับอาหาร

c. เซลมะเร็งเติบโตได้ดีใ นภาวะแวดล้อมที่เป็นกรด อาหารจำพวกเนื้อจะสร้างสภาวะกรดขึ้น ดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานปลาจะดีที่สุด รองลงไปคือ รับประทานไก่แทนเนื้อและหมู ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อ ฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์ และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ ซึ่งล้วนเป็นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง

d. อาหารที่ประกอบด้วยผักสด 80% และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ด ถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้จำนวนเล็กน้อย จะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก 20% อาจได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่ว น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมซาบสู่ระดับเซลภายใน 15 นาที เพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดี ให้พยายามดื่มน้ำผักสด ( ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ 140 องศา F ( ประมาณ 40 องศา C)

e. ให้หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชา และช้อกโกแลต ซ ึ่งมีคาเฟอีนสูง ชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง น้ำดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือที่ผ่านการกรอง เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซินและโลหะหนักในน้ำประปา น้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรด ให้หลีกเลี่ยง

12. โปรตีนจากเนื้อจะย่อยยาก และต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าและมีความเป็นพิษมากขึ้น

13. ผนังของเซลมะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้ การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้มีเอ็นไซม์เหลือมากพอมาใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลมะเร็ง และช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น

14. สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ( สาร IP6 [inositol hexaphosphate หรือ phytic acid], สาร Flor-essence, สาร Essiac, สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์ , วิตามิน , เกลือแร่ , EFAs ฯลฯ) เพื่อช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น สารอาหารอื่นๆเช่น วิตามินอี เป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดการตายลงของเซล หรือกำหนดระยะเวลาการตายของเซล ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดเซลที่ถูกทำลาย ซึ่งไม่เ ป็นที่ต้องการ หรือไม่มีประโยชน์ออกไป

15. มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำสงครามกับมะเร็ง.... ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต

16. เซลมะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมาก การออกกำลังกายทุกวัน และการหายใจลึกๆจะช่วยให้ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซล การบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง

ผู้ชายที่แสนดี

โดนใจมาก ...............






ชายคนหนึ่ง เดินออกจากผับ มีขอทานคนหนึ่งหน้าตามอมแมม ตามตัวสกปรกนั่งอยู่ข้างทาง

' พี่ขอเงินสัก 20 ซิผมยังไม่ กินข้าวเลย ' ขอทานเอ่ยปาก

ชายหนึ่งหยุด กึ่ก........ แล้วบอกว่า

' เอาอย่างนี้ ไปกินเหล้ากับพี่ พี่เลี้ยงเอง '

ขอทานบอก ' ไม่เป็นไร ครับพี่ ผมไม่กินเหล้า '

ชายหนุ่มเลย บอก ' นั้นไปเล่น ม้ากับพี่ไหม พี่ออกทุนให้ '

ขอทานก็ยัง ปฎิเสธ ' ผมไม่เล่นการ พนันคับ '

ชายคนนี้เลย ถามต่อ ' เอาอย่างนี้ นั้น พี่พาไปลงอ่างดีกว่า '

ขอทานก็ตอบ อีกว่า ' ผมไม่เที่ยว ผู้หญิงด้วยคับ '

ชายหนุ่มเลย ยิ้มนิดๆๆ เหมือนถูกใจแล้วถามว่า

' เมื่อกี้น้อง ขอตังค์ พี่เท่าไรนะ'

ขอทานบอก : 20 ครับพี่

ชายหนุ่มเลย ก้มหน้าไปกระซิบว่า : เอางี้แล้วกันพี่ให้น้อง 200 เลย

ไปที่บ้านกับ พี่หน่อยเด้อ !!!

ขอทานทำหน้า งงงง : ทำไมเหรอคับ พี่

ชายหนุ่มควัก ตังค์ แล้วพูดว่า : ไปให้เมียพี่มันดู หน่อยว่ะ ว่าคนที่ไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวผู้หญิงนะ สภาพมันเป็นอย่างไร.

.
ฉะนั้น เราควรมากินเหล้ากันเถอะ