วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์-สารกัมมันตรังสี: คำถาม คำตอบ และข้อสงสัย

ที่มา: ศูนย์สื่อมวลชนด้านวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น (Science Media Centre of Japan)
ถาม: ระดับสารกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลออกมาจากโรงไฟฟ้า มีปริมาณมากพอที่จะก่อให้เกิดอันตรายหรือไม่?
ตอบ: ระบบตรวจจับกัมมันตภาพรังสีของร่างกายมนุษย์ มีความสามารถเพียงพอในการตรวจสอบสารกัมมันภาพรังสี หากว่าคุณมีจำนวนอะตอมกัมมันตรังสีบนผิวหนังมากถึง 50 จนถึงหลายร้อยอะตอม หากว่าระดับสารรังสีอยู่ในระดับต่ำ ร่างกายก็สามารถป้องกันตนเองได้

ถาม: เราจำเป็นต้องกังวลต่ออันตรายที่เกิดจากสารกัมมันตรังสีทางอ้อมหรือไม่ เช่น การบริโภคอาหารทะเลจากพื้นที่ดังกล่าวมีความปลอดภัยหรือไม่?
ตอบ: หากว่ารายงานระดับสารกัมมันตรังสีมีความแม่นยำ ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องกังวล เนื่องจากสารกัมมันตรังสี สามารถพบได้ทั่วไปในสภาพแวดล้อมทั่วไป

ถาม: การอยู่ภายในอาคารปลอดภัยหรือไม่?
ตอบ: สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอยู่ให้ห่างจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เช่นเดียวกับที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศ การอยู่ห่างจากสถานที่ดังกล่าวประมาณ 20 กิโลเมตร ถือเป็นระยะที่ปลอดภัย นอกจากนั้น ยังช่วยหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอากาศที่มีการปนเปื้อนของสารรังสี

ถาม: หากว่าระยะ 20 กม.มีความปลอดภัยจริง ประชาชนที่อาศัยในกรุงโตเกียวควรอาศัยอยู่ในแต่อาคาร และหลีกเลี่ยงที่โล่งแจ้งหรือไม่? หรือหากจำเป็นต้องเดินทางออกนอกอาคาร ไม่ควรให้ผิวหนังสัมผัสกับอากาศหรือไม่?
ตอบ: โตเกียวอยู่ห่างจากฟูกุชิมะมากกว่า 200 กม. กระแสลมอาจพัดพาสารกัมมันตรังสีและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนได้ แต่เมื่อพิจารณาว่า ยิ่งสารรังสีต้องเดินทางเป็นระยะทางมากเท่าใด ระดับสารก็จะลดลงมากเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวล

ถาม: ทำไมต้องอพยพห่างจากโรงไฟฟ้าถึง 20 กม.?
ตอบ: รัฐบาลไม่ได้แถลงว่าใช้หลักการใดในการพิจารณา แต่ในกรณีของการเกิดอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกาะทรี ไมล์ส ของสหรัฐฯ เมื่อปี 1979 ไม่พบว่ามีความเสียหายใดๆในระยะทางหลัง 16 กม. รัฐบาลจึงอาจปรับเปลี่ยนระยะทางโดยอาศัยจากการสังเกต

ถาม: หากว่ามีสารกัมมันตรังสีรั่วจริง มันสามารถเดินทางไกลได้แค่ไหน?
ตอบ: เป็นเรื่องยากที่จะทำนายโดยไม่ทราบว่าปริมาณไอโซโทปของสารรังสีที่รั่วออกมี จำนวนเท่าใด และสภาพอากาศในขณะนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสลมว่าเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกาะทรี ไมล์ส ซึ่งสถานที่เก็บสารรังสีไม่ได้รับการกระทบกระเทือน และเป็นที่เข้าใจกันว่าไม่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อพื้นที่นอกเหนือรัศมี 16 กม.

ถาม: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไอโอดีนสามารถช่วยต่อต้านสารกัมมันตรังสีได้หรือไม่?
ตอบ: ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น นอกจากจะไม่ใช่ยาใช้ภายในแล้ว ยังมีสารอย่างอื่นที่เป็นอันตรายต่อร่างกายรวมอยู่ด้วย ในกรณีที่ร่างกายได้รับปริมาณไอโอดีนซึ่งเป็นสารกัมมันตภาพรังสีเข้าไป ปริมาณมาก ยาที่มีฤทธิ์ช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดต่อร่างกายคือ “ยาบรรเทาไอโอดีน” ซึ่งเป็นยาใช้ภายในและใช้เฉพาะภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
ถาม: คำว่า "ระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์ล้มเหลว" หมายความว่าอย่างไร?
ตอบ: หมายความว่า เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไม่สามารถลดความร้อนลงได้เพียงพอ ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ความร้อนหรือพลังงานซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานโดยการหมุนเวียนน้ำ และหากว่าระบบน้ำหล่อเย็นไม่สามารถหมุนเวียนได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเชื้อเพลิงดังกล่าวก็ไม่สามารถเย็นลงได้

ถาม: ปลอดภัยหรือไม่ ที่จะลดความร้อนของเตาปฏิกรณ์ด้วยน้ำทะเล แทนที่จะเป็นน้ำสะอาด?
ตอบ: โดยปกติแล้วมักจะใช้น้ำสะอาดในกระบวนการหล่อเย็น เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานของเตาปฏิกรณ์และลดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ดี สถานการณ์ในปัจจุบันการหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์ด้วยหนทางใดก็ได้เท่าที่จะเป็นไป ได้ มีความสำคัญยิ่งกว่า

ถาม: หากใช้น้ำทะเลแล้ว จะก่อให้เกิดปัญหาใดหรือไม่?
ตอบ: ก่อให้เกิดปัญหาแน่นอน เนื่องจากน้ำทะเลอาจก่อให้เกิดคราบเกลือด้านในท่อ และอาจกัดกร่อนท่อจนกระทั่งเกิดการรั่วไหลของสารรังสี ดังนั้นจึงมักนิยมใช้น้ำจืดเป็นตัวหล่อเย็นมากกว่า

ถาม: ทำไมจึงไม่สามารถปิดเตาปฏิกรณ์ลงในทันทีที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว?
ตอบ: มีการปิดเตาปฏิกรณ์แล้ว ผลลูกโซ่ของการแตกตัวของนิวเคลียสของอะตอมก็หยุดแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ดี เตาปฏิกรณ์จำเป็นต้องถูกลดความร้อนลง เพื่อป้องกันการเกิดไอโซโทปที่มีกัมมันตรังสีในแท่งเชื้อเพลิงที่บรรจุอยู่ ในแกนปฏิกรณ์ และลดความร้อนที่ยังคงตกค้างจากการเพิ่มความร้อนให้แก่เตาปฏิกรณ์

ถาม: น้ำที่ผ่านกระบวนการหล่อเย็นในเตาปฏิกรณ์ จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่?
ตอบ: น้ำเสียที่มีระดับการปนเปื้อนกัมมันตรังสีต่ำ จะผ่านกระบวนการกรองก่อนที่จะปล่อยออกสู่สภาพแวดล้อม ส่วนน้ำเสียที่มีระดับการปนเปื้อนกัมมันตรังสีสูง จะผ่านกระบวนการต้มเสียก่อน ซึ่งจะเปลี่ยนสารกัมมันตรังสีให้เป็นของแข็ง ซึ่งสามารถถูกคัดออกก่อนที่จะปล่อยลงสู่สิ่งแวดล้อม

ถาม: การระเบิดของโรงไฟฟ้าปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟูกุชิมาหมายเลข 1 เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ตอบ: การระเบิดที่อาคารเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เกิดจากแรงดันของก๊าซไฮโดรเจนภายในสูงเกินไป แรงดันของก๊าซไฮโดรเจน เกิดจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้น้ำทำปฏิกิริยากับเซอโคเนียม ซึ่งเป็นธาตุโลหะหายาก ทำให้น้ำ หรือ H2O ถูกแยกเป็น H2 หรือ ไฮโดรเจน กับ O หรือ อ๊อกซิเจน และไปจับกับเซอโคเนียม ทำให้มีก๊าซไฮโดรเจนในปริมาณมาก ทำให้ความดันสูงจนดันอาคารปฏิกรณ์จนพังเสียหาย

ถาม: ถึงแม้ว่าจะมีการะเบิด แต่เครื่องปฏิกรณ์กลับไม่ได้รับความเสียหาย นั่นหมายความว่าการระเบิดของก๊าซไฮโดรเจน ไม่สามารถทำลายเครื่องปฏิกรณ์ได้หรือไม่?
ตอบ: ใช่ แม้ว่าอาคารภายนอกจะได้รับความเสียหาย แต่ห้องเก็บเครื่องปฏิกรณ์มีความแข็งแรงมาก และถือเป็นด่านสุดท้ายเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ตราบใดที่เครื่องปฏิกรณ์ไม่ได้รับความเสียหาย ตราบนั้นก็ไม่เกิดหายนะ

ถาม: สมมุติว่าก๊าวไฮโดรเจน บังเอิญรั่วออกจากเครื่องปฏิกรณ์ การระเบิดของไฮโดรเจนสามารถนำไปสู่การระเบิดภายในเครื่องปฏิกรณ์เองได้หรือ ไม่?
ตอบ: เครื่องปฏิกรณ์ถูกเติมด้วยก๊าซไนโตรเจน จึงไม่มีทางที่จะเกิดการระเบิดภายในเครื่องปฏิกรณ์

ถาม: ดังนั้น เครื่องปฏิกรณ์ก็ไม่ได้รับความเสียหาย?
ตอบ: ตราบเท่าที่ข้อมูลที่ได้รับการแถลงจากโรงไฟฟ้าเป็นจริง เราก็สามารถมั่นใจได้ว่าเตาปฏิกรณ์จะยังคงมีความปลอดภัย

ถาม: การระเบิดของก๊าซไฮโดรเจน มีลักษณะเดียวกับการระเบิดของระเบิดไฮโดรเจนหรือไม่?
ตอบ: การระเบิดของก๊าซไฮโดรเจน แตกต่างกับการระเบิดของระเบิดไฮโดรเจน นี่เป็นเพียงปฏิกิริยาทางเคมีที่ก๊าซไฮโดรเจนและอ็อกซิเจนถูกนำมารวมกัน จนกระทั่งเกิดพลังงานและน้ำ ปฏิกิริยาเช่นนี้ไม่ถือว่าแผ่รังสี แต่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อไฮโดรเจนได้ปล่อยสารรังสีที่เริ่มต้นด้วยการ ระเบิดเช่นเดียวกันนั้น จึงจะสร้างการแผ่รังสีที่สามารถตรวจจับได้
การป้องกันตนเองจากกัมมันตภาพรังสี
ตามปกติผุ่นกำมันตภาพรังสีเหล่านี้ จะติดมากับลมและฝน เรามองไม่เห็นและกระจายไปทั่ว อันตรายจะมีมากในขั้นต้น แต่ความเข้มข้นลดลงก็อย่างรวดเร็วเพราะมันปล่อยพลังงานออกมามาก
ชั่งโมงแรกของการระเบิด อันตรายถึงชิวิต (ขนาด 500 R/ชั่วโมง) มันจะอ่อนกำลังลงเหลือเพียง 1/10 ส่วน หลังจากระเบิดได้ 7ชั่วโมง ใน 2 วันต่อมา จะอ่อนกำลังลงเหลือ 1/100 ส่วน หรืออันตรายน้อยลงกว่าเดิม 1/ 100 เท่า
สิ่งที่จำเป็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อป้องกันฝุ่นรังสี...มีดังนี้
เสื้อผ้าครื่องนุ่งห่ม ที่มีฝุ่นเกาะติดอยู่ ก็ให้ถอดทิ้งไว้ข้างนอก ควรมี ชุดพลาสติกชนิดคลุมหัวได้และ ถุงมือ หน้ากากกันฝุ่น ซึ่งสามารถล้างด้วยสายยางฉีดน้ำ และแช่น้ำทิ้งไว้ก่อนเข้าบ้าน
อาหารและน้ำดื่ม ที่มีฝุ่นละอองเกาะอยู่ภายนอก แต่ปิดไว้สนิทดีแล้ว ฝุ่นพวกนี้เข้าไปข้างในไม่ได้..และไม่ได้ทำลายหรือก่อให้เกิดโทษใดๆต่อสารอาหาร
อากาศ ไม่จำเป็นต้องกรอง เพราะอากาศไม่กลายเป็นกัมมันตภาพรังสี ถ้าชั้นใต้ดินถูกปิดไว้อย่างมิดชิดแล้ว ลมจากภายนอกซึ่งปนเปื้อนรังสีจะเข้ามาไม่ได้ ปิดหน้าต่างทุกบานด้วยแผ่นไม้ ทั้งข้างนอกข้างในถ้าทำได้ ปิดเทปกาวตามร่อง หน้าต่างประตู แต่ถ้าอากาศอับชื้นขึ้นจริงๆ ก็อาจเปิดประตูที่เชื่อมต่อชั้นบนได้ (แต่ต้องมั่นใจว่าบ้านทั้งหลังยังปิดสนิทอยู่) อาจเอาแผ่นกรองอากาศมาปิดไว้ที่ช่องทางเข้าออก เพื่อนำอากาศผ่านเข้าออกได้จะดีที่สุด
อุปกรณ์ข้าวของที่อยู่ภายนอกหรือภายในบ้าน ควรเอาผ้าพลาสติกผืนใหญ่ๆ คลุมไว้ เพื่อการล้างออกได้ง่ายในภายหลัง ถ้าปลูกผักเอาไว้ ก็เอาผ้าพลาสติกหรือผ้ายางคลุมแล้วถ่วงขอบผ้าเอาไว้ให้สนิท
ไฟฉาย ควรใช้แบบ LED Head Lamp
เสาวิทยุสื่อสาร ควรห่อด้วย alumunum foil เพื่อลด empที่จะเกิดขื้น และทำลายระบบวงจรไฟฟ้าในเครื่องได้
เริ่มทานเม็ด โปรตัสเซียมไอโอไดน์ (k1)(k03) ป้องกันต่อมไทรอยด์จากมะเร็ง
ทิงเจอร์ไอดีน หรือ เบตาดีน ก็ใช้ทาบนผิวหนังให้ผลป้องกันได้เช่นกัน ทาตามท้อง แขน ขา ในแต่ละวัน
ส้วม เตรียมถังขนาด 5 แกลลอน และฝาที่รองนั่งในห้องน้ำ มาใช้ประกอบกัน และต้องใช้ถุงดำรองรับทุกครั้ง ผูกให้แน่นหลังใช้เสร็จแล้ว
จัดเตรียมถังขยะขนาดใหญ่ ซึ่งรองด้วยถุลขยะ มาวางไว้ด้านนอกที่หลบภัย ให้ใกล้ทางเข้าที่พักมากที่สุด ไว้ทิ้งสิ่งปฏิกูลได้อย่างรวดเร็ว
น้ำดื่ม ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อคุณภาพดีหยดลงไปในอัตรา 10 หยดต่อน้ำ 1 แกลอน เช่น Clorox และถ้าเป็นไปได้ควรต้มอีกครั้ง
รายการที่จำเป็นต้องจัดหา พยายามซึ้อให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทันที! จะดีมากๆถ้าพอสำหรับ 2 เดือนขึ้นไป ให้คำนวณ จากคนในครอบครัวให้ดี

จากตารางพบว่า รังสีที่มนุษย์ได้รับจากสิ่งแวดล้อมมีปริมาณน้อยมาก จึงไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย แต่ถ้าร่างกายได้รับปริมาณรังสีระดับสูงมากๆ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและถึงแก่ชีวิตได้ เนื่องจากสมบัติของรังสีที่ทำให้สารที่รังสีผ่านแตกตัวเป็นไอออน เมื่อร่างกายได้รับรังสี เนื้อเยื่อร่างกายจะดูดกลืนพลังงานของรังสี ทำให้เซลล์ต่างๆถูกทำลาย จนอาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง และอาจมีผลทางพันธุกรรม ซึ่งจะถ่ายทอดไปยังรุ่นลูกหลานได้ แต่รังสีจะไม่ตกค้างอยู่ในร่างกาย หรืออาหารที่อาบรังสี

หน่วยวัดรังสีที่ควรรู้จัก
เรม (roentgen – equivalent men ; rem) รังสี 1 rem คือปริมาณรังสีใดๆที่สามารถก่อให้เกิดผลทางชีววิทยาต่อร่างกายเทียบเท่ากับเมื่อได้รับรังสีเอกซ์หรือรังสีแกมมา 1 เรินต์เกน
ซีเวิร์ต (sievert ; Sv) กำหนดให้ 1 Sv = 100 rem
การทำงานที่เกี่ยวกับรังสีเป็นประจำ ต้องมีการป้องกันอันตรายจากรังสีที่เหมาะสม เช่น ทำงานให้เสร็จในเวลาอันรวดเร็ว อยู่ห่างจากต้นกำเนิดรังสีในระยะที่เหมาะสม ใช้เครื่องกำบังรังสีเพื่อลดปริมาณรังสีที่จะเข้าสู่ร่างกายและต้องป้องกันไม่ให้สารกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกาย ทั้งโดยทางปาก ทางการหายใจ ทางผิวหนังและบาดแผล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น